ขนมจีน ทำอะไรก็อร่อย
ขนมจีน ถึงแม้จะชื่อดูจีน แต่ไม่ได้เป็นของจีนแต่อย่างใด แท้จริงขนมจีนเป็นอาหารมอญต่างหาก เส้นขนมจีนแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ แบบแป้งหมักกับแบบแป้งสด แต่ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบบไหน ความอร่อยก็ไม่ทิ้งห่างกันเลยล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าขนมจีนมักจะกินควบคู่กับน้ำยาหรือส้มตำ แต่ เอ๊ะ! ตอนเด็กๆใครเคยกินขนมจีนกับน้ำปลา ไหมนะ ขอบอกว่า อร่อยไม่แพ้กันเลย ^^
หลายๆ คนอาจจะชื่นชอบการกินขนมจีน ซึ่งหาได้ง่าย และเราก็จะทราบกันดีว่าขนมจีนนั้นต้องกินคู่กับน้ำยาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเงี้ยว น้ำกะทิ น้ำยาป่า ปัจจุบันขนมจีนนำมาทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้น หรือแม้แต่จะกินคู่กับอาหารอย่างอื่นก็เป็นฟิวชั่นให้เข้ากันก็ได้เช่นกัน เราลองมาดูกันว่า ปัจจุบันขนมจีนนำไปทำอะไรและกินคู่กับอะไรได้บ้าง ลองเอาไปทำกันดู เผื่อจะได้กินขนมจีนกันแบบไม่เบื่อกันบ้าง
1.ขนมจีนญวณ
อาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันสักเท่าไร ขนมจีนญวณ หรืออีกชื่อหนึ่ง ขนมจีนหนังหมู เหมาะสำหรับเป็นอาหารมื้อกลางวัน มีการแบ่งส่วนผสมออกหลายส่วน เพราะฉะนั้น ก่อนกินต้องนำส่วนมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แต่เอ๊ะ จะกินเข้ากันได้ยังไง เดี๋ยวลองมาดูการทำกันเลย
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
เครื่องเคียง
1.หนังหมูต้มหั่นบาง, เนื้อหมูต้มหั่นบาง
2.ผักกาดหอมหั่นฝอย
3.สะระแหน่หั่นฝอย
4.พริกชี้ฟ้าโขลกละเอียด
5.ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ
6.กระเทียม
7.หัวไซเท้าฝอย
น้ำปรุงรส
1.น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง
2.น้ำกระเทียมดอง ½ ถ้วยตวง
3.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
4.เกลือ 1 ช้อนชา
5.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
วิธีทำ
เมื่อเตรียมวัตถุดิบพร้อม เริ่มจากผสมน้ำส้มสายชู น้ำกระเทียมดอง น้ำมะนาว เกลือ น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน โดยการตั้งไฟเคี่ยว ให้ได้รสชาติที่ครบรส จากนั้นให้ใส่หัวไชเท้า เสร็จแล้วผสมเนื้อหมูต้ม และหนังหมูต้ม คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นให้จัดขนมจีนใส่จานอาจจะตัดขนมจีนเป็นคำๆ ที่สำคัญอย่าลืมจัดเครื่องเคียงใส่จาน แล้วให้โรยหนังหมูบนขนมจีน ราดน้ำปรุงรสคลุกเคล้าให้เข้ากัน ไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมคะ แถมยังอร่อยด้วย
Cr.youtube
2.ยำขนมจีน
ขึ้นชื่อว่ายำ ต้องมีความแซ่บอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าตอนนี้ใครๆ ก็ต้องรู้จักยำขนมจีน ถือว่าขึ้นชื่อเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะตามตลาดนัด ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เพราะวิธีการทำค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก ขายก็ง่าย กินเป็นอาหารว่างได้ ปัจจุบันวัยรุ่นนิยมกินกันมากขึ้น วันนี้เราเลยแนะนำการทำยำขนมจีนกันสักหน่อย
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.น้ำปลา, น้ำปลาร้าต้มสุก, น้ำมะนาว, น้ำตาลทราย, พริกป่น
3.กุ้งสดลวก, ปลาทูทอดแกะ, กุ้งแห้งป่น
4.ถั่วฝักยาวซอย, ขึ้นฉ่าย
วิธีทำ
แค่เห็นวัตถุดิบก็น่าจะแซ่บแล้ว เริ่มจากนำส่วนผสมสำหรับทำน้ำยำ โดยใส่น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่น ผสมให้เข้ากัน หรือใครที่ชอบความนัวเพิ่มขึ้นไป อาจจะใส่เป็นน้ำปลาร้าต้มสุกเพิ่มเข้าไปได้ ชิมรสชาติได้ตามความชอบ เอาให้แซ่บให้ซี้ดไปเลย เมื่อได้น้ำยำแล้ว ให้นำมาคุลกกับเส้นขนมจีน ค่อยๆ คลุก เพราะเส้นอาจเละได้ นำกุ้งสดลวก ปลาทูทอดแกะแล้ว เมื่อคลุกคล้าให้เข้ากัน ได้รสชาติตามต้องการ ใส่ถั่วฝักยาวซอย ขึ้นฉ่าย หรือใครชอบผักประเภทไหน ก็ใส่ได้เพิ่มลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดอีกรอบแต่เบาๆ ระวังผักช้ำและเส้นเละ เพียงเท่านี้ก็ตักใส่จานและเสิร์ฟได้เลยค่ะ
3.ขนมจีนกรอบ
เป็นไอเดียประยุกต์ของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งวิธีการก็แสนง่าย ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ ซึ่งเส้นขนมจีนกรอบ นำไปกินกับน้ำยาได้ตามปกติ แต่การสัมผัสอาจจะแปลกไปจากเส้นนิ่มๆ เป็นเส้นกรอบๆ แต่รับรองว่ารสชาติไม่ได้ทิ้งห่างกันเลย
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.น้ำสมุนไพร 3 ชนิด อัญชัน, กระเจี๊ยบ, ดอกคำฝอย หรืออาจจะใช้เป็นอย่างอื่น เช่น ใบเตย ที่หอมไม่แพ้กัน
วิธีทำ
นำเส้นขนมจีนที่มีมาแช่กับน้ำสมุนไพรที่เราเตรียมไว้ ในระหว่างที่แช่ก็คนไปด้วย แต่ต้องเบาและละมุน ระวังเส้นเละ แช่ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นให้เอาขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำออกไปตากแดดให้แห้ง ประมาณ 1 วัน (ระหว่างตาก อย่าลืมดูพวกแมลงด้วยนะคะ) พอได้ที่ตากแห้งแล้วจึงนำมาทอด แต่แนะนำว่าควรเป็นน้ำมันที่ร้อนจัด เพียงเท่านี้ เราก็ได้เส้นขนมจีนกรอบๆ มากินกับน้ำยาต่างๆ แล้วค่ะ
Cr.bloggang
4.น้ำยาปีนัง
ชื่ออาจจะฟังดูไม่คุ้นหู น้ำยาปีนังเป็นอาหารประจำของเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจริงๆ แล้วดัดแปลงมาจากอาหารที่เป็น Laksa (ลักซา) น้ำยาปีนังเป็นหนึ่งในน้ำยาที่สำหรับกินกับลักซา แต่ได้มีการนำมาลองเปลี่ยนมากินกับขนมจีน เราเลยอาจจะยังไม่คุ้นหู หรือได้ลองกินกันมากนัก แต่ถ้าลองได้ชิมแล้วอาจจะติดใจก็ได้
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.ไก่
3.ถั่วลิสง
4.ขมิ้นหั่น ½ ช้อนชา
5.ข่าอ่อนหั่นบาง 2 ช้อนโต๊ะ
6.หอมแดงหั่น ½ ถ้วย
7.พริกแห้ง 10 เม็ด
8.ตะไคร้
9.น้ำมันหมู ¼ กิโล
10.กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำกะทิ 1 กล่อง
12.พริกสด 5 เม็ด
13.น้ำปลา
14.น้ำตาลทราย
15.มะนาว
วิธีทำ
วัตถุดิบพร้อม วิธีทำพร้อม อันดับแรกให้โขลกหรือบดพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอมแดง ขมิ้น เข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วใส่ถั่วลิสงเพิ่มลงไปโขลกให้เข้ากัน ให้นำน้ำกะทิเคี่ยวกับเนื้อไก่ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย เคี่ยวต่อจนเดือด แล้วพักไว้ก่อน (แนะนำว่าควรทำในหม้อ) นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันหมูเล็กน้อย นำเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดจนหอม เติมน้ำกะทิทีละน้อย จนเครื่องแกงหอม แล้วใส่น้ำกะทิเพิ่มให้พอดี ตักเครื่องที่ผัดผสมกับเนื้อไก่ที่เคี่ยวลงในหม้อ เติมน้ำปลา น้ำตาลนิดหน่อย ลองชิมรสดู เมื่อได้รสชาติที่กลมกล่อมพักไว้ก่อน เสร็จแล้วให้นำกะปิโขลกกับพริกสดให้ละเอียด แล้วตักใส่ถ้วยเล็กๆ ส่วนผักเครื่องเคียงนั้นเลือกได้ตามชอบ อ้อ! นำมะนาวมาเป็นเครื่องเคียงได้ด้วยนะคะ
5.ตำขนมจีน
หลายๆ คนอาจจะชื่นชอบการกินส้มตำเป็นชีวิตจิตใจ อย่างที่ทราบกันว่าจริงๆ นอกจากมะละกอแล้ว เรายังนำอย่างอื่นมาตำให้แซ่บซี้ดได้เหมือนกัน คราวนี้เรามาลองเปลี่ยนจากเส้นมะละกอกรอบๆ มาเป็นขนมจีนกันดู รับรองอร่อยและแซ่บไม่แพ้กันเลย
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.พริก, กระเทียม
3.น้ำปลา, น้ำปลาร้าต้มสุก
4.มะเขือเทศ
5.น้ำมะนาว
6.น้ำตาลทราย
นอกจากนี้หากใครต้องการเพิ่มในส่วนของหมูยอ กุ้งลวก หรือกุ้งสด ก็ใส่ได้เหมือนกัน
วิธีทำ
วัตถุดิบไม่ยุ่งยากใช่ไหมคะ เริ่มกันด้วยโขลกพริก กระเทียม เข้าด้วยกัน ให้พอหยาบ ไม่ต้องละเอียดมาก จากนั้นให้ปรุงรสตามด้วยน้ำปลา น้ำปลา น้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และหั่นมะเขือเทศลงในครก แล้วนำเส้นขนมจีนลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน แต่ก่อนที่จะใส่เส้นขนมจีนลงไป ใครต้องการชิมรสก่อนก็ได้นะคะ ปรุงรสให้กลมกล่อมและแซ่บซี้ดกันไปเลย ใครอยากมีออฟชั่นเพิ่มเติม เช่น ใส่หมูยอ กุ้งสด กุ้งลวก ใส่ลงในครกและคลุกเคล้าได้เลยเช่นกันค่ะ
6.ขนมจีนผัด
ขนมจีนผัด เป็นเมนูของทางภาคเหนือ ฟังดูแปลกๆ แต่ผัดได้จริงค่ะ เส้นไม่เละ อาจจะกินเป็นอาหารว่าง หรือกินคู่กับส้มตำก็ได้เช่นกัน ถ้าไม่มีผัดหมี่ หรืออยากลองเปลี่ยนอาหารที่กินคู่กับส้มตำ เพิ่มรสชาติให้กับขนมจีน ลองมาทำกันดูแล้วอาจจะติดใจก็ได้นะเจ้า
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.ไข่ไก่
3.ซีอิ๊วดำ, ซีอิ๊วขาว
4.น้ำเปล่า
5.น้ำตาลทราย
6.กระเทียมเจียว
7.แคปหมู
8.ผักกาดดองหั่น, ผักชี
วิธีทำ
วัตถุดิบมาแล้ว เริ่มจากนำไข่ไปทอดเป็นไข่เจียว แล้วให้นำมาหั่นเป็นเส้นฝอยๆ เตรียมขนมจีนใส่ชาม และเตรียมชามอีกใบให้ใส่น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ให้นำไปราดในชามขนมจีนที่เตรียมไว้แล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ เสร็จแล้วให้นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย พอกระทะร้อนให้นำเส้นขนมจีนที่พักไว้ใส่ลงไปผัด ชิมและเพิ่มปรุงรสชาติตามต้องการ โดยรสชาติที่เหมาะควรให้เค็มๆ หวานๆ ตักใส่จาน นำแคปหมู ไข่เจียวที่หั่นฝอย ผักกาดดอง วางเป็นเครื่องเคียง จัดใส่จานที่ใส่ผัดขนมจีนไว้ โรยหน้าด้วยผักชี เพิ่มเติมอีกนิดใครชอบกินผัก อาจจะใส่เป็นผักคะน้าก็ได้ เพิ่มสีสันให้กับอาหารได้ด้วย
Cr.seefah
7.ขนมจีนน้ำพริก
ฟังจากชื่อแน่นอนว่าทุกคนต้องคิดไปแล้วว่าเผ็ดแน่ๆ เลย จะกินได้ไหมนะ แต่ที่จริงแล้วน้ำยาน้ำพริกนั้น ไม่ได้เผ็ดตามชื่อเลยนะคะ รสชาติจะออกไปทางหวานหน่อย เผ็ดน้อย ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินเผ็ด แต่รสชาตินั้นเมื่อกินกับขนมจีนก็อร่อยไม่เบาเลย
วัตถุดิบ
1.ขนมจีน
2.พริกแห้งป่น 3 ช้อนชา
3.กระเทียมซอย
4.หอมแดงซอย
5.ถั่วลิสงคั่วป่น
6.เนื้อกุ้งสับ
7.หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
8.น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
11.กุ้งแห้งป่น
ผักเครื่องเคียง สามารถเลือกได้ตามใจชอบ แนะนำว่าหลักๆ คือ ถั่วฝักยาว ผักกาดดอง กะหล่ำปลี
วิธีทำ
เมื่อมีของพร้อมแล้ว เริ่มเลยดีกว่า ซอยหอมแดง ซอยกระเทียม พริกแห้งป่น ไปเจียวด้วยไฟอ่อนๆ ให้เหลืองหอม แล้วพักไว้ จากนั้นให้นำหม้อหรือกระทะใส่หัวกะทิ และเนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้เนื้อกุ้งสุก ปรุงรส ตามด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก เคี่ยวต่อให้เข้ากัน เมื่อได้ที่แล้วให้ใส่กุ้งแห้งป่น ถั่วลิสงคั่วป่น พริก หอมแดง กระเทียม ลงไปคลุกพอให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักใส่จานเตรียมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
นี่เป็นเพียงบางส่วนที่เรากินคู่กับขนมจีน หรือนำขนมจีนไปทำเป็นอาหารจานใหม่ๆ ได้แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก จริงๆ ยังมีอีกหลายเมนู และหลากหลายน้ำยา ที่เรานำมาเป็นอาหารจานหลักก็ได้ หรืออาหารจานรองก็ได้ เช่น ขนมจีนผัดขี้เมา แค่เปลี่ยนจากการใช้เส้นสปาเกตตี้เป็นเส้นขนมจีน ซึ่งวิธีการก็ไม่ยุ่งยากเลย ขนมจีนผัดเต้าเจี้ยว ขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง หรือจะเปลี่ยนเป็นปลาทูน่าก็ได้ เราสามารถดัดแปลงอาหารได้ตลอด แต่จะนำมาดัดแปลง เราต้องดูว่าสิ่งที่ดัดแปลงนั้นนำไปฟิวชั่นกับอะไรได้บ้าง ลองทำกันดูได้เลยนะคะ อร่อยทุกจานแน่นอน